ประเภทของเงินได้พึงประเมิน
เพื่อให้การกำหนดค่าใช้จ่ายสำหรับเงินได้พึงประเมินเป็นไปอย่างใกล้เคียงและเป็นธรรมในการเสียภาษี จึงได้จำแนกประเภทของเงินได้พึงประเมินตามลักษณะของการได้มาออกเป็น 8 ประเภทรวมตลอดถึงเงินค่าภาษีอากร ที่ผู้จ่ายเงินหรือผู้อื่นออกแทนให้สำหรับเงินได้ประเภทต่างๆ ดังต่อไปนี้
ประเภทที่ ๑ ได้แก่ เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน ไม่ว่าจะเป็น
๑) เงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส เบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ
๒) เงินค่าเช่าบ้านที่นายจ้างจ่ายให้
๓) เงินที่คำนวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้านที่นายจ้างให้อยู่โดย.ไม่เสียค่าเช่า
๔) เงินที่นายจ้างจ่ายชำระหนี้ใด ๆ ซึ่งลูกจ้างมีหน้าที่ต้องชำระ
๕) เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใด ๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน
ประเภทที่ ๒ ได้แก่ เงินได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำหรือจากการรับทำงานให้ไม่ว่าจะเป็น
๑) ค่าธรรมเนียม ค่านายหน้า ค่าส่วนลด
๒) เงินอุดหนุนในงานที่ทำ เบี้ยประชุม บำเหน็จ โบนัส
๓) เงินค่าเช่าบ้านที่ผู้จ่ายเงินได้จ่ายให้ เงินที่คำนวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้าน ที่ผู้จ่ายเงินได้ให้อยู่โดย ไม่เสียค่าเช่า
๔) เงินที่ผู้จ่ายเงินได้จ่ายชำระหนี้ใด ๆ ซึ่งผู้มีเงินได้มีหน้าที่ต้องชำระ
๕) เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใด ๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากหน้าที่หรือ ตำแหน่งงานที่ทำหรือจากการรับทำงานให้นั้น ไม่ว่าหน้าที่หรือ ตำแหน่งงาน หรืองานที่รับทำให้นั้นจะเป็นการประจำหรือชั่วคราว
ประเภทที่ ๓ ได้แก่ ค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าแห่งลิขสิทธิ์หรือสิทธิอย่างอื่นเงินปีหรือเงินได้ที่มีลักษณะเป็นเงินรายปีอันได้มาจาก พินัยกรรม นิติกรรมอย่างอื่น หรือคำพิพากษาของศาล
ประเภทที่ ๔ ได้แก่
(๑) ดอกเบี้ยพันธบัตร ดอกเบี้ยเงินฝาก ดอกเบี้ยหุ้นกู้ ดอกเบี้ยตั๋วเงิน ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมไม่ว่าจะมี หลักประกัน หรือไม่ ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่อยู่ในบังคับต้องถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมาย ว่าด้วย ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม เฉพาะ ส่วนที่เหลือจากถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายดังกล่าว หรือผลต่างระหว่างราคา ไถ่ถอนกับราคาจำหน่ายตั๋วเงิน หรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น เป็นผู้ออก และจำหน่ายครั้งแรกในราคาต่ำ กว่าราคาไถ่ถอน รวมทั้งเงินได้ที่มีลักษณะทำนองเดียวกันกับดอกเบี้ย ผลประโยชน ์ หรือค่าตอบแทนอื่น ๆ ที่ได้จากการ ให้กู้ยืม หรือจากสิทธิเรียกร้องในหนี้ทุกชนิดไม่ว่าจะมีหลักประกันหรือไม่ก็ตาม
หมายเหตุ
เงินได้ประเภทที่ ๔ (๑)บางกรณีกฎหมายได้กำหนดเงื่อนไขการหักภาษี ณ ที่จ่ายและให้มีสิทธิเลือกเสียภาษี ในอัตราร้อยละ ๑๕.๐ ของเงินได้ โดยไม่นำไปรวมคำนวณภาษีกับเงินได้อย่างอื่นก็ได้ สำหรับเงินได้ดังต่อไปนี้
(ก) ดอกเบี้ยพันธบัตร ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในราชอาณาจักร ดอกเบี้ยเงินฝากสหกรณ์ ดอกเบี้ยหุ้นกู้ ดอกเบี้ยตั๋วเงินที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่ได้จาก บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ดอกเบี้ยที่ได้จากสถาบันการเงินที่มีกฎหมายโดยเฉพาะ ของประเทศไทยจัด ตั้งขึ้นสำหรับให้กู้ยืมเงินเพื่อส่งเสริมเกษตรกรรม พาณิชยกรรมหรืออุตสาหกรรม
(ข) ผลต่างระหว่างค่าไถ่ถอนกับราคาจำหน่ายตั๋วเงิน หรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ใดๆ ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเป็นผู้ออกและมีการจำหน่ายครั้งแรก ต่ำกว่าราคาไถ่ถอนและ ผู้มีเงินได้เป็นผู้ทรงคนแรก
(๒) เงินปันผล เงินส่วนแบ่งของกำไร หรือประโยชน์อื่นใดที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล กองทุนรวม (ที่เป็นคณะบุคคล) หรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายโดยเฉพาะของประเทศไทย จัดตั้งขึ้นสำหรับ ให้กู้ยืมเงินเพื่อส่งเสริมเกษตรกรรม พาณิชยกรรมหรืออุตสาหกรรม เช่น บรรษัทเงินทุน อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่ง ของกำไรที่อยู่ในบังคับต้องถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่าย ตามกฎหมายว่าด้วยภาษีเงินได้ปิโตรเลียมเฉพาะส่วนที่เหลือ จากถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่าย ตามกฎหมายดังกล่าว
ในกรณีที่บุตรชอบด้วยกฎหมายหรือบุตรบุญธรรมที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเป็นผู้มีเงินได้ ตาม (2) ข้างต้นและ ความเป็นสามีภริยาของบิดาและมารดาได้มีอยู่ตลอดปีภาษี ให้ถือว่าเงินได้ของบุตรดังกล่าวเป็นเงินได้ของบิดา แต่ถ้าความ เป็นสามีภริยาของบิดาและมารดามิได้มีอยู่ตลอดปีภาษี ให้ถือว่าเงินได้ของบุตรดังกล่าวเป็นเงินได้ของบิดาหรือมารดา ผู้ใช้อำนาจปกครองหรือของบิดาในกรณีบิดามารดาใช้อำนาจปกครองร่วมกัน
เงินปันผล เงินส่วนแบ่งกำไร หรือประโยชน์อื่นใดที่ได้รับจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่ตั้งขึ้น ตามกฎหมายไทย ถ้าผู้มีเงินได้เป็นผู้มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยหรือเป็นผู้อยู่ในประเทศไทย ให้ได้รับเครดิต ในการคำนวณภาษี (เครดิตดังกล่าวคำนวณได้โดยนำอัตราภาษีเงินได้ที่บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล นั้นต้องเสีย หารด้วยผลต่างของหนึ่งร้อยลบด้วยอัตราภาษีเงินได้ ผลลัพธ์ที่ได้ให้คูณด้วยจำนวนเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไร) เครดิตที่คำนวณได้ให้นำมารวมเป็นเงินได้พึงประเมินเพื่อเสียภาษีด้วย
หมายเหตุ
อย่างไรก็ตามผู้มีเงินได้ซึ่งเป็นผู้อยู่ในประเทศไทยที่ได้รับเงินได้ประเภทที่ 4 (2) จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย กองทุนรวม (ที่เป็นคณะบุคคล) หรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายโดยเฉพาะของประเทศไทย จัดตั้งขึ้นสำหรับให้กู้ยืมเงินเพื่อส่งเสริมเกษตรกรรม พาณิชยกรรม หรืออุตสาหกรรม จะเลือกเสียภาษีในอัตราร้อยละ 10 ของเงินได้ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับภาษี หัก ณ ที่จ่าย โดยไม่นำไปรวมคำนวณภาษีกับเงินได้อย่างอื่นก็ได้
(๓) เงินโบนัสที่จ่ายให้ผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
(๔) เงินลดทุนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเฉพาะส่วนที่จ่ายไม่เกินกว่ากำไรและเงินที่กันไว้รวมกัน
(๕) เงินเพิ่มทุนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งตั้งจากกำไรที่ได้มาหรือเงินที่กันไว้รวมกัน
(๖) ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลควบเข้ากัน หรือรับช่วงกัน หรือเลิกกัน ซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าเงินทุน
(๗) ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนการเป็นหุ้นส่วน หรือโอนหุ้น หุ้นกู้ พันธบัตรหรือตั๋วเงิน หรือตราสารแสดง สิทธิในหนี้ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเป็นผู้ออก ทั้งนี้ เฉพาะที่ตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน
หมายเหตุ เงินได้ประเภทที่ ๔ (๗) นี้ ผู้มีเงินได้จะเลือกเสียภาษีในอัตราร้อยละ ๑๕ ของเงินได้ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับภาษีหัก ณ ที่จ่ายโดยไม่ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีกับเงินได้อย่างอื่นก็ได้
ประเภทที่ ๕ ได้แก่ เงินหรือประโยชน์อย่างอื่นที่ได้เนื่องจาก
(๑) การให้เช่าทรัพย์สิน
(๒) การผิดสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สิน
(๓)การผิดสัญญาซื้อขายเงินผ่อนซึ่งผู้ขายได้รับคืนทรัพย์สินที่ซื้อขายนั้นโดยไม่ต้องคืนเงิน หรือประโยชน์ ที่ได้รับไว้แล้ว
ในกรณีตาม (๑) ถ้าเจ้าพนักงานประเมินมีเหตุอันสมควรเชื่อว่า ผู้มีเงินได้แสดง เงินได้ต่ำไปไม่ถูกต้องตาม ความเป็นจริง เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินเงินได้นั้นตามจำนวนเงินที่ทรัพย์สิน นั้นสมควรให้เช่าได้ตามปกติ ในกรณีนี้จะอุทธรณ์การประเมินก็ได้
ในกรณี (๒) และ(๓) ให้ถือว่าเงินหรือประโยชน์ที่ได้รับไว้แล้วแต่วันทำสัญญาจนถึงวันผิดสัญญาทั้งสิ้น เป็นเงินได้ พึงประเมินของปีที่มีการผิดสัญญานั้น
ประเภทที่ ๖ ได้แก่ เงินได้จากวิชาชีพอิสระคือ วิชากฎหมาย การประกอบโรคศิลปะ วิศวกรรม สถาปัตยกรรม การบัญชี ประณีตศิลปกรรม หรือวิชาชีพอิสระอื่นซึ่งจะได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดชนิดไว้ (ปัจจุบันยังไม่มีพระราชกฤษฎีกา
กำหนดวิชาชีพอิสระอื่น)
ประเภทที่ ๗ ได้แก่ เงินได้จากการรับเหมาที่ผู้รับเหมาต้องลงทุนด้วยการจัดหาสัมภาระในส่วนสำคัญนอกจากเครื่องมือ
ประเภทที่ ๘ ได้แก่ เงินได้จากการประกอบธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรมการขนส่งการ ขายอสังหาริมทรัพย์ หรือการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในประเภทที่ ๑-๗ แล้ว
หมายเหตุ
ผู้มีเงินได้พึงประเมินประเภทที่ ๕, ๖, ๗ และหรือ ๘ ไม่ว่าจะมีเงินได้อื่นรวมอยู่ด้วยหรือไม่ มีหน้าที่ต้องนำเงินได้ ที่ได้รับตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายนมายื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปีด้วย